ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ จะต้องมีการเชื่อมโยงกันระหว่างสัญญาณอนาล็อกและสัญญาณดิจิตอล เนื่องจากอุปกรณ์ตรวจจับต่างๆ
เช่น การตรวจจับสัญญาณแสงความร้อนและอุณหภูมิ ความเร็ว ตำแหน่ง ฯลฯ ต้องใช้อุปกรณ์ตรวจจับต่างๆ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวนี้ทำหน้าที่แปลง
ปริมาณทางฟิสิกส์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า กล่าวสั้น ๆ คือ แปลงปริมาณทางฟิสิกส์เป็นแรงดัน ไฟฟ้า เช่น ตัวแปลงสัญญาณอุณหภูมิเป็นแรงดัน
สามารถแปลงอุณหภูมิ 1 ต่อ 10 mV หรือตัวตรวจจับความเร็วรอบ สามารถแปลงความเร็วรอบ 100 รอบต่อนาทีเป็นแรงดัน 100 mV เป็นต้น
ตัวตรวจจับเหล่านั้นให้ปริมาณแรงดันไฟฟ้าออกมา แรงดันไฟฟ้านี้คือสัญญาณอนาล็อกซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณทางฟิสิกส์ที่ตรวจจับได้
สัญญาณเหล่านี้เมื่อนำมาประมวลผลด้วยเครื่อง คอมพิวเตอร์จะต้องมีการแปลงสัญญาณอนาล็อกเป็นดิจิตอล เพื่อให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลได้ และเมื่อ
คอมพิวเตอร์ประมวลผลแล้ว ต้องการจะส่งสัญญาณกลับออกมาเป็นอนาล็อก จึงต้องมีวงจรแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อก ดังแผนภาพกรอบในรูปที่
ี่ 19.1 เป็นระบบดิจิตอลที่รับแรงดันอนาล็อกในย่าน 0-3 V มาแปลงเป็นสัญญาณดิจิตอลด้วยตัวแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอล และส่งสัญญาณดิจิตอลเข้า
วงจรประมวลผลด้วยระบบดิจิตอล (Digital processing unit) เมื่อประมวล ผลแล้ว ถ้าต้องการแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อกด้วยวงจรตัวแปลง
ดิจิตอลเป็นอนาล็อก จะได้แรงดันอนาล็อกด้านออก 0-3 V เหมือนกับสัญญาณแรงดันด้านเข้า
|
รูปที่ 19.1 แสดงระบบดิจิตอลเชื่อมต่อกับสัญญาณอนาล็อก
|
19.1 การแปลงดิจิตอลเป็นอนาล็อก (D/A)
การแปลงดิจิตอลเป็นอนาล็อก หมายถึง การแปลงน้ำหนักของรหัสตัวเลขฐานสองผ่านวงจรแปลงให้เป็นแรงดันอนาล็อก วงจรดังกล่าวเรียกว่า
วงจรแปลงดิจิตอลเป็นอนาล็อก ลักษณะแสดงดังรูปที่ 19.2 (ก) เป็นวงจรแปลงสัญญาณดิจิตอล 4 บิต ให้เป็นแรงดันอนาล็อก ตัวอย่างการแปลงที่เข้าใจ
ง่ายอาจออก แบบวงจรแปลงให้แปลงน้ำหนักของตัวเลขฐานสองให้เป็นแรงดันในอัตราส่วน 1:1 เช่นรหัส 0000 = 0 โวลต์และรหัส 1000 = 8 โวลต์
เป็นต้นดังแสดงตารางการแปลงดังรูปที่ 19.2 (ข)
|
รูปที่ 19.2 แสดงแผนภาพกรอบและตารางการแปลรหัสดิจิตอล 4 บิต เป็นแรงดันอนาล็อก
|
จากตารางในรูปที่ 19.2 (ข) จะเห็นว่าสามารถแปลงแรงดันอนาล็อกได้จาก 0-15 โวลต์ ตามน้ำหนักของตัวเลขฐานสอง ซึ่งอาจกำหนดการ
คำนวณแรงดันอนาล็อกเอาต์พุตได้ดังสมการ
|
|
ตัวอย่างที่ 19.1 วงจรแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อกขนาด 8 บิต เมื่อมีรหัสดิจิตอลฐานสอง เท่ากับ 00110010 วงจรมีแรงดันด้านออก
เท่ากับ 1.0 V จงหาค่าคงที่ของแรงดัน และวงจรนี้จะให้แรงดันอนาล็อกสูงสุดเท่าไร
|
ตัวอย่างที่ 19.2 วงจรแปลง D/A ขนาด 5 บิต มีแรงดันอนาล็อกด้านออก 0.2 V เมื่ออินพุตคือ 00001จงหาค่าแรงดันเอาต์พุตเมื่ออินพุตคือ 11111
ที่น้ำหนักของ LSB = 1 แรงดัน = 0.2 V
ดังนั้น ที่น้ำหนัก 2 แรงดัน = 0.2 x 2 = 0.4V
4 แรงดัน = 0.2 x 4 = 0.8 V
8 แรงดัน = 0.2 x 8 = 1.6 V
16 แรงดัน = 0.2 x16 = 3.2 V
แรงดัน ที่รหัส 5 บิต = 11111 คือ
= 3.2 + 1.6 + 0.8 + 0.4 + 0.2
= 6.2 V
|
การแยกชัด (Resolution) หรือขนาดของค่าคงที่ K (Step size) หมายถึงช่วงห่างระหว่างขั้นของการเปลี่ยนแปลงแรงดันอนาล็อก
เอาต์พุต ตัวอย่างเช่น ในรูปที่ 19.2 วงจร D/A ขนาด 4 บิต มีค่า K = 1 V นั่นคือมีความละเอียดของการแยกชัด 1 โวลต์ ( Resolution = 1 V )
เมื่อนำมาต่ออินพุต 4 บิต เข้ากับเอาต์พุตของวงจรนับขนาด 4 บิต ดังรูปที่ 19.3 จะเห็นว่าแรงดัน จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจาก 0 V ถึง 15 V
รวม 16 ขั้น ความละเอียดของแรงดันขั้นละ 1 V เมื่ออินพุตดิจิตอล 0000 แรงดัน = 0 V และเมื่ออินพุตดิจิตอล 1111 (ค่าเต็มสเกล)
จะได้ = 15 V หรืออาจเรียกว่าวงจรนี้มีค่า Step size = 1 V
|
รูปที่ 19.3 แสดงเอาต์พุตอนาล็อกของวงจร D/A ขนาด 4 บิต
|
ตัวอย่างที่ 19.3 วงจร D/A จากตัวอย่างที่ 9.2 จงหาค่า เมื่อดิจิตอลอินพุตคือ 10001
วิธีทำ Step size = 0.2 V
อินพุต = 1710
= (0.2 V) x17
= 3.4 V
|
ร้อยละของการแยกชัด (Percentage resolution) ค่าความละเอียดของแรงดันในการแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อกแต่ละขั้น
สามารถเทียบได้ในร้อยละกับค่าแรงดันเต็มสเกลสูงสุด เช่น จากวงจรในรูปที่ 19.3 ค่าแรงดันเอาต์พุตเต็มสเกลคือ 15 V เมื่ออินพุตดิจิตอล
เป็น 1111 ค่าการแยกชัดของแรงดันแต่ละขั้นคือ 1 V ดังนั้นค่าร้อยละของค่าการแยกชัดคือ
|
|
ตัวอย่างที่ 19.4 วงจรแปลง D/A ขนาด 10 บิต มีค่า K = 10 mV จงหาค่าแรงดันเอาต์พุตเต็มสเกล และค่าร้อยละของการแยกชัด
|
ตัวอย่างที่ 19.5 จากแผนภาพในรูปที่ 9.4 เป็นการควบคุมความเร็วรอบของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแส ตรง วงจรแปลง D/A หรือ DAC
รับสัญญาณดิจิตอลจากคอมพิวเตอร์ จ่ายกระแสใน ย่าน 0-2 mA ให้กับวงจรขยายกระแสเพื่อควบคุมความเร็วของ
มอเตอร์ในย่าน 0-1000 rpm กำหนดให้ Step size ของความเร็วรอบเท่ากับ 2 rpm อยากทราบว่าข้อมูล
ดิจิตอลอินพุตที่จะควบคุมมอเตอร์ให้ความเร็วสูงสุด 1000 rpm มีจำนวนบิตเท่าไร
รูปที่ 19.4
|
ตัวอย่างที่ 19.6 จากวงจรควบคุมมอเตอร์ในรูปที่ 9.4 ถ้าต้องการให้มอเตอร์หมุนที่ความเร็วรอบ 326 rpm ต้องป้อนข้อมูลอินพุต
ดิจิตอลขนาด 9 บิต มีค่าเท่าไร
|
วงจร D/A ที่มีข้อมูลดิจิตอลอินพุตเป็นรหัส BCD เนื่องจากรหัส BCD เป็นรหัสของเลขฐานสองแบบหนึ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
และในระบบดิจิตอลยังมีการใช้งานวงจรแบบ D/A ที่มีอินพุตเป็น BCD ตัวอย่างเช่น D/A ที่มีอินพุต BCD ขนาด 8 บิต ดังรูปที่ 19.5
รหัสBCD 1 หลัก ต้องใช้เลขฐานสองเท่ากับ 4 บิต ดังนั้นอินพุต BCD ขนาด 8 บิต จะต้องใช้เลขฐานสองแทนเท่ากับ 8 บิต กำหนดให้ BCD
หลักบนคือ MSD ประกอบด้วย และ BCD หลักล่างคือ LSD ประกอบไปด้วย จำนวน 2 หลัก
จะเขียนแทนเลขฐานสิบได้ตั้งแต่ 00 ถึง 99 และน้ำหนักของแต่ละบิตจะมีค่า 8 4 2 1 เท่ากันทุกดิจิต แต่ดิจิตหลักสิบต้องคูณน้ำหนักด้วย 10
และดิจิตหลักร้อยต้องคูณน้ำหนักแต่ละบิตด้วย 100 เป็นต้น
|
รูปที่ 19.5 แสดง D/A ที่มีอินพุตเป็นรหัส BCD 2 หลัก
|
จะเห็นว่ารหัส BCD จะมีการเปลี่ยนแปลงทางอินพุต 00-99 (100 ครั้ง) ดังนั้นแรงดันอนาล็อกที่เอาต์พุตจึงมี Step จำนวน 100 Step
และ Step size จะเท่ากับค่าน้ำหนักของบิต A (บิตที่มีค่าต่ำสุด หรือ LSB)
|
ตัวอย่างที่ 19.7 จากวงจร D/A ในรูปที่ 9.5 ถ้าน้ำหนักของ A = 0.1 V จงหาค่าของสิ่งต่อไปนี้
(1) Step size
(2) แรงดันเอาต์พุตเต็มสเกล และ % การแยกชัด
(3) V out เมื่อ = 0101 และ = 1000
วิธีทำ (1) Step size คือน้ำหนักของบิต LSB ของ LSD = 0.1 V
(2) แรงดันเอาต์พุตเต็มสเกล เนื่องจากมี Step ทั้งหมด 99 Step
(3) หาค่าน้ำหนักของแต่ละบิตดังนี้
|
วงจรแปลงดิจิตอลเป็นอนาล็อก
1. D/A แบบโครงข่ายตัวต้านทาน
วงจรพื้นฐานของการแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อก ประกอบไปด้วยวงจร 2 ส่วนดังแสดงในรูปที่ 19.6 คือวงจรแปลงดิจิตอล
4 บิตเป็นอนาล็อก ประกอบไปด้วยวงจรส่วนที่ 1 คือโครงข่ายตัวต้านทาน และส่วนที่ 2 คือ วงจรขยายผลรวม สำหรับวงจรขยายผลรวมจะใช้วงจร
รวมออปแอมป์เป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำงาน
|
รูปที่ 19.6 แผนภาพกรอบแสดงวงจรแปลงดิจิตอลเป็นอนาล็อก
|
ลักษณะของออปแอมป์ดังรูปที่ 19.7 (ก) ประกอบไปด้วยอินพุต คือ อินพุตอินเวอร์ติ้ง และอินพุตนอนอินเวอร์ติ้ง วงจรขยายออปแอมป์ที่ใช้ใน
การแปลง D/A คือวงจรขยายแบบกลับเฟส ดังแสดงในรูปที่ 19.7 (ข)
|
รูปที่ 19.7 ออปแอมป์และวงจรขยายแบบกลับเฟส
|
อัตราขยายแรงดันของวงจรในรูปที่ 9.7 (ข) คือ อัตราขยายแรงดัน (A)
|
โดยปกติเมื่อต้องการให้ค่า เป็น 1 ควรกำหนดค่า และค่าแรงดันเอาต์พุตของวงจรจะมีค่าเป็นลบ ดังนั้นการคำนวณค่าแรงดัน
จึงต้องติดเครื่องหมายลบด้วย การกำหนดค่าความต้านทานโครงข่ายทางด้านอินพุต 4 บิต จากแผนภาพกรอบรูปที่ 19.6 สมมุติว่าให้ค่า
ความต้าน ทานในโครงข่ายมีน้ำหนักเท่ากับรหัสของเลขฐานสอง คือ 8, 4, 2 และ 1 k ดังรูปที่ 19.8 (ก) โดยต่ออินพุต D กับ = 1 k ต่อ
อินพุต C กับ = 2 k ต่ออินพุต B กับ = 4 k และต่ออินพุต A กับ = 8 k โดยให้อินพุต A คือ LSB และ D คือ MSB และให้
= 1 k ดังนั้นจะเห็นว่าอัตรา ส่วนของ A v ที่อินพุต D จะเป็น 1 ที่อินพุต C จะเป็น ที่อินพุต B จะเป็น และที่อินพุต A จะเป็น 1/8
ถ้ากำหนดแรงดันของลอจิก “5” = 5V และแรงดันของลอจิก “0” = 0 V จะสามารถหาค่าของ V out ได้จากสมการด้านล่าง
|
รูปที่ 9.8 วงจร D/A ขนาด 4 บิต และตารางความจริงแสดงการเปรียบเทียบค่าข้อมูลดิจิตอล 4 บิต
กับแรงดันด้านออกของวงจร
|
ดังนั้นเมื่อแทนค่าแรงดัน และ ตามน้ำหนักของรหัสดิจิตอล ดังตารางในรูปที่ 19.8 (ข) จึงสามารถคำนวณค่าแรงดันอนาล็อก
เอาต์พุตได้ดังที่แสดงในตาราง ตัวอย่างเช่น เมื่อ DCBA = 1010 จะหาค่าแรงดัน ได้ว่า
|
|
จะเห็นว่าวงจรในรูปที่ 19.8 (ก) นี้มีค่าความละเอียดของขั้นเท่ากับน้ำหนักของแรงดันที่ LSB คือ 1/8 x 5V = 0.625 V และเมื่อสังเกตในตาราง
จะพบว่า กับ FMSB เสมอ เช่น กรณีวงจรในรูปที่ 9.8 (ก) คือ
|
2. D/A แบบ R/2R แลดเดอร์
วงจรแปลงดิจิตอลเป็นอนาล็อกที่ผ่านมาเมื่ออินพุตมีจำนวนบิตมากขึ้น เช่น D/A ขนาด 12 บิต จะเกิดปัญหาเรื่องค่าความต้านทานที่ LSB
จะมีค่าสูงมากประมาณ 2 M ซึ่งมีปัญหาในการหาค่าความต้านทานค่าต่าง ๆ ที่แตกต่างกันถึง 12 ค่า จึงมีการออกแบบวงจรที่ใช้ค่าความต้านทานน้อยๆ
เช่น วงจร D/A แบบ R/2R แลดเดอร์ ดังแสดงในรูปที่ 19.9 ซึ่งใช้ตัวต้านทานเพียง 2 ค่าเท่านั้นคือ และ ทำให้ออกแบบและ
สร้างวงจรแปลง D/A ได้ง่ายยิ่งขึ้น
|
รูปที่ 19.9 วงจร D/A 4 บิต แบบ R/2R แลดเดอร์
สำหรับสมการคำนวณค่าแรงดันอนาล็อกเอาต์พุตคือสมการ 9.3
เมื่อ B = ค่าเลขฐานสิบของอินพุตดิจิตอล 4 บิต
|
ตัวอย่างที่ 19.8 จากวงจร D/A ในรูปที่ 19.9 ถ้า = 5 V จงหาค่า Step size แรงค่าแรงดันอนาล็อก เอาต์พุตเต็มสเกลของวงจร
<< Go To Top
|
19.2 การแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอล (A/D)
19.2.1 วงจร A/D แบบสัญญาณลาดเอียง
วงจรการแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอล วงจรพื้นฐานแสดงในรูปที่ 19.10 นั่นคือด้านอินพุตของวงจรรับแรงดันอนาล็อก และวงจร
A/D ทำหน้าที่แปลงแรงดันอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตอลขนาด 4 บิต ค่าแรงดันต่ำสุด 0 V จะได้รหัสดิจิตอลเอาต์พุต 4 บิต
เท่ากับ 0000 และที่ค่าแรงดันอินพุตสูงสุด (+3 V) จะได้รหัสดิจิตอลเอาต์พุต 4 บิต เท่ากับ 1111
|
รูปที่ 19.10 แผนภาพกรอบของวงจรแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอลขนาด 4 บิต
|
สำหรับแผนภาพกรอบของวงจร A/D โดยละเอียดจะประกอบไปด้วย 4 ส่วน ดังแสดงในรูปที่ 19.11 คือ
1. วงจรเปรียบเทียบ ทำหน้าที่เปรียบเทียบแรงดันอนาล็อกอินพุตที่จุด A กับแรงดันป้อนกลับที่จุด B เพื่อส่งสัญญาณลอจิกไปควบคุมสัญญาณนาฬิกา
2. เกตแอนด์ ทำหน้าที่เป็นสวิตช์เปิด – ปิดสัญญาณนาฬิกา เพื่อป้อนเข้าวงจรนับ
3. วงจรนับบีซีดี วงจรนับรหัสบีซีดีขนาด 4 บิต เพื่อแสดงผลการนับตามจำนวนพัลส์ที่เกตแอนด์จ่ายออกมา และส่งสัญญาณดิจิตอลไปยังวงจร D/A
4. วงจรแปลงดิจิตอลเป็นอนาล็อก ทำหน้าที่แปลงรหัสดิจิตอลที่แสดงผลทางไบนารีเอาต์พุตให้เป็นแรงดันอนาล็อกเพื่อป้อนกลับไปยังอินพุต
Bซึ่งแรงดันนี้จะเป็นแรงดันของสัญญาณลาดเอียง
|
รูปที่ 19.11 แผนภาพกรอบแสดงส่วนประกอบของวงจร A/D แบบสัญญาณลาดเอียงขนาด 4 บิต
|
การทำงานของวงจรเปรียบเทียบแรงดัน มีลักษณะของวงจรเปรียบเทียบแรงดัน มีอินพุตรับแรงดันอนาล็อก 2 อินพุต คือ A และ B เพื่อ
เปรียบเทียบกัน ดังแผนภาพกรอบในรูปที่ 19.12 ผลของการเปรียบเทียบแรงดันคือ ถ้าแรงอินพุต A>B เอาต์พุต x = 1 และถ้าอินพุต
B>A (A<B) เอาต์พุต x = 0
|
รูปที่ 19.12 แผนภาพกรอบของวงจรเปรียบเทียบแรงดัน
|
วงจรภายในของวงจรเปรียบเทียบแรงดัน จะใช้วงจรออปแอมป์เปรียบเทียบแรงดันดังรูปที่ 19.13 (ก) เมื่อแรงดันอนาล็อกที่อินพุต A เท่ากับ
1.5 V มากกว่าแรงดันแอนลอกที่อินพุต B (0 V ) ดังนั้นแรงดันเอาต์พุตของออปแอมป์เท่ากับ 4 V เท่าแรงดันซีเนอร์ที่เอาต์พุตของออปแอมป
์ เอาต์พุตจะเป็นลอจิก “1” (A>B = 1) และในรูปที่ 19.13 (ข) เมื่อให้แรงดันที่อินพุต B เท่ากับ 2V ดังนั้นแรงดันที่ B มากกว่าที่อินพุต A ผล
คือแรงดันเอาต์พุตของวงจรจะได้ 0 V (ลอจิก “0”) นั่นคือ (B>A=0)
|
รูปที่ 19.13 การทำงานของวงจรเปรียบเทียบแรงดันที่ใช้ออปแอมป์
|
การใช้งานวงจรการแปลงแรงดันอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิตอลที่เห็นได้ชัดเจน เช่นวงจรโวลต์มิเตอร์ชนิดแสดงผลด้วยตัวเลข เมื่อนำโวลต์มิเตอร์
์ไปวัดแรงดันอนาล็อก เช่น แรงดันขนาด 7V วงจร A/D จะรับค่าแรงดันอนาล็อกเข้ามาและเปลี่ยนเป็นรหัสดิจิตอลเพื่อแสดงผลที่ จอภาพของมิเตอร
์ให้ได้ 7 V เป็นต้น แผนภาพกรอบของดิจิตอลโวลต์มิเตอร์ แสดงในรูปที่ 19.14
|
รูปที่ 19.14 แผนภาพกรอบดิจิตอลโวลต์มิเตอร์
|
จากแผนภาพกรอบของดิจิตอลโวลต์มิเตอร์ สามารถออกแบบและสร้างได้โดยกำหนดให้โวลต์ มิเตอร์แสดงผลด้วยตัวเลข 7 ส่วน 1 หลัก แสดงค่าได้
ตั้งแต่ 0-9 โวลต์ มีตัวถอดรหัสดิจิตอล 4 บิต เป็นเลขฐานสิบ รับข้อมูลดิจิตอล 4 บิต มาจากวงจรแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอล ตัวถอดรหัสนี้ใช้ทีทีแอลเบอร
์ 7447 เป็นตัวขับการแสดงผลเลข 7 ส่วนชนิดแอโนดร่วม ข้อมูลดิจิตอล 4 บิต กำเนิดจากวงจรนับเลขฐานสองเบอร์ 7493 (ดังรูปที่ 19.15) ควบคุมการ
รีเซตวงจรนับที่ขา R0(1) ขา สัญญาณนาฬิกาต่อผ่านแอนด์เกตเบอร์ 7408 ซึ่งอินพุตที่หนึ่งของแอนด์เกตต่อกับสัญญาณนาฬิกาภายนอก และอินพุตที่สอง
ต่อกับเอาต์พุตของวงจรเปรียบเทียบแรงดัน โดยใช้ออปแอมป์เบอร์ 741ไบแอสด้วยแรงดัน สำหรับวงจรรวมทีทีแอล ไบแอสด้วยแรงดัน +5 V
วงจรเปรียบเทียบแรงดันมี 2 อินพุต อินพุต A ต่อกับแรงดันอนาล็อกภายนอก และอินพุต B ต่อกับแรงดันลาดเอียงที่ป้อนมาจากวงจร D/A วงจร D/A
นี้มีขนาด 4 บิต ซึ่งต่อสัญญาณดิจิตอลอินพุตมาจากเอาต์พุตของวงจรนับเลขฐานสอง รายละเอียดแสดงในวงจรรูปที่ 19.15
|
รูปที่ 19.15 วงจรดิจิตอลโวลต์มิเตอร์แสดงผลด้วยตัวเลข 7 ส่วน 1 หลัก
|
การทำงานของวงจรในรูปที่ 19.15 อธิบายโดยละเอียดได้ดังนี้ สมมุติให้มีแรงดันอินพุตอนาล็อกเท่ากับ 2 V และเอาต์พุตของวงจรนับถูกรีเซตที่
0000 ขณะนี้วงจรเปรียบเทียบแรงดันระหว่างอินพุต A และ B แรงดันที่ A มากกว่า B (A = 2 และ B = 0 V) วงจรเปรียบเทียบแรงดันให้ลอจิก
“1” ที่เอาต์พุต ดังนั้นแอนด์เกตจึงทำงานได้ ส่งสัญญาณนาฬิกาพัลส์ที่ 1 เข้าสู่อินพุต Clock ของวงจรนับเลขฐานสอง วงจรนับจะปรากฏเอาต์พุต
4 บิต คือ 0001 รหัสเลขฐานสองนี้ถูกตัวถอด รหัส ถอดรหัสเป็นเลข 1 ฐานสิบ แสดงที่ตัวแสดงผลเลข 7 ส่วน โดยติดสว่างที่ส่วน B และ C ใน
ขณะเดียวกันเอาต์พุต 0001 จ่ายเข้าวงจร D/A ด้วยลอจิก “1” ที่บิต A มีแรงดันประมาณ 3.2 V จ่ายผ่าน R = 150 k ทางด้านอินพุตของ
ออปแอมป์ ทำให้แรงดัน V out ของออปแอมป์เท่ากับ -1 V
เนื่องจาก
|
|
แรงดัน -1 V นี้จะป้อนกลับไปสู่อินพุต B ของวงจรเปรียบเทียบแรงดัน ผลคือที่ อินพุต A=2 V , B = -1 V นั่นคือ A>B = 1 แอนด์เกตทำงานอีก
ครั้งส่งสัญญาณนาฬิกาพัลส์ที่สองเข้าวงจรนับ วงจรนับจะให้เอาต์พุต 4 บิต เท่ากับ 0010 เช่นกัน ทำให้ ของวงจร D/Aมีแรงดันเท่ากับ -2 V
แรงดันนี้ป้อนกลับไปยังอินพุต B ของวงจรเปรียบเทียบแรงดันจะพบว่าแรงดัน A = +2 V ที่ B = -2 V ที่อินพุต + ของออปแอมป์จะมีแรงดัน 0V พอด
ี ดังนั้นแรงดันเอาต์พุตของวงจรเปรียบเทียบจะเป็น 0 V คือลอจิก “0” ทำให้แอนด์เกตไม่ทำงาน สัญญาณนาฬิกาจะไม่ถูกส่งไปยังวงจรนับการแสดงเลข
ผลจะแสดงเลข 2 ค้างอยู่ หมายความว่า แรงดันอนาล็อกอินพุต 2 V ถูกแสดงเป็นสัญญาณดิจิตอล และปรากฏเป็นเลข 2 ที่ตัวแสดงผลเลข 7 ส่วน
|
19.2.2 วงจร A/D แบบแฟลช
วงจรแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอลแบบแฟลช เป็นวงจรการแปลงสัญญาณที่มีความเร็วสูงกว่า A/D แบบสัญญาณลาดเอียง และถ้าเป็น A/D แบบ
แฟลชที่มีจำนวนบิตเอาต์พุตมากๆ ขนาดของวงจรจะใหญ่กว่าแบบอื่นๆ เช่น A/D แบบ Flash ขนาด 8 บิต ต้องใช้วงจรเปรียบเทียบแรงดันถึง 255
ตัว เป็นต้น เพราะต้องใช้ตัวเปรียบเทียบแรงดัน 1 บิตต่อ 1 ตัว หรือ A/D แบบแฟลชขนาด 10 บิต ต้องใช้วงจรเปรียบเทียบแรงดัน 1023
วงจร เป็นต้น หลักการทำงานของ A/D แบบแฟลช จะใช้วงจรขนาด 3 บิต อธิบายดังรูปที่ 19.16 (ก)
|
รูปที่ 19.16 วงจรแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอลขนาด 3 บิต แบบแฟลช และตารางการทำงานของวงจร
|
เมื่อพิจารณาวงจร A/D แบบแฟลช ขนาด 3 บิต จากรูปที่ 19.16 ด้านอินพุตของวงจร 3 บิต จะมีตัวเปรียบเทียบแรงดันที่ใช้ออปแอมป์
เท่ากับ = 7 ตัว ในรูปคือ โดยอินพุตลบของออปแอมป์ทุกตัวต่อร่วมกันเป็นจุดรับแรงดันอนาล็อกอินพุต () และขาอินพุต
บวกของออปแอมป์เปรียบเทียบแรงดันแต่ละตัวต่อเข้ากับจุด A- G ของวงจรแบ่งแรงดัน ซึ่งจุดต่อ A มีแรงดัน +1 V จุดต่อ B มีแรงดัน +2 V
และจุดต่อ C D E F G มีแรงดัน +3 V + 4 V +5 V +6 V และ +7 V ตามลำดับ
การทำงานของวงจรเริ่มต้นที่แรงดันอนาล็อกด้านเข้าที่อินพุต ถ้ามีค่าน้อยกว่า 1 V เอาต์พุตของออปแอมป์เปรียบเทียบแรงดันทุกตัว
จะเป็น “1” เนื่องจากไม่มีออปแอมป์ตัวใดทำงาน เมื่อ > 1V แต่ไม่เกิน 2 V ออปแอมป์ตัว C1 จะทำงาน ตัวเข้ารหัสจะส่งเอาต์พุต 3 บิตเป็น
001 ดังตารางในรูปที่ 19.16 (ข) นั่นคือแรงดันอนาล็อก 1 V เอาต์พุตดิจิตอลเท่ากับ 1 10 เช่นกัน และเมื่อ > 2V แต่ไม่เกิน 3 V ออปแอมป์
ตัวที่ C2 จะทำงานในขณะที่ C1 ยังทำงานอยู่ ผลคือดิจิตอลเอาต์พุตของตัวเข้ารหัสจะเป็น 010 หรือ 210 และเมื่อแรงดันอนาล็อกอินพุตมีค่าเพิ่ม
ขึ้นครั้งละ 1 V ดิจิตอลเอาต์พุตจะเปลี่ยนแปลงไปตามลำดับเช่นกัน เมื่อแรงดันอินพุต > 7 V ดิจิตอลเอาต์พุตจะเปลี่ยนแปลงไปตามลำดับเช่นกัน
เมื่อแรงดันอินพุต > 7 V ดิจิตอลเอาต์พุตคือ 111 หรือ 710
วงจร A/D แบบแฟลช จะใช้เวลาในการแปลงระหว่างแรงดันอนาล็อกเป็นรหัสดิจิตอลน้อยมากเนื่องจากความไวของออปแอมป์และตัวเข้ารหัส
ตัวอย่างเช่น A/D เบอร์ AD9002 แปลงแรงดันอนาล็อกเป็นดิจิตอลขนาด 8 บิต มีความเร็วของเวลาในการแปลงน้อยกว่า 10 nS เป็นต้น
การตอบสนองความถี่ด้านเข้าของแรงดันอนาล็อกอินพุต วงจร A/D ทำงานได้ในย่านการเปลี่ยนแปลงค่าเป็นคลื่นไซน์ได้ไม่เกิน บิต ดังนั้น
ความถี่สูงสุดของสัญญาณอินพุตที่วงจร A/D จะทำงานได้ คือ
|
ตัวอย่างที่ 19.9 จงหาค่าความถี่ตอบสนองสูงสุด A/D ขนาด 8 บิต เบอร์ AD9002 เมื่อ TC ของวงจรมีค่า 10 nS
วิธีทำ
|
ในกรณีที่ต้องการเพิ่มค่าความถี่ตอบสนองของสัญญาณอนาล็อกด้านเข้าของวงจร A/D ต้องใช้วงจรขยายแบบสุ่มและเก็บค่า (Sample
and Hold Amplifier) ดังแสดงในรูปที่ 19.17 ต่อเข้าด้านอินพุตของวงจร A/D
|
รูปที่ 19.17 วงจรขยายแบบสุ่มและเก็บค่า
|
แรงดันอนาล็อกอินพุตเข้าทางขาบวกของ และสวิตช์อนาล็อกถูกควบคุมโดยสัญญาณควบคุมการสุ่มและเก็บค่า เพื่อทำงานร่วมกับ
ในการควบคุมแรงดันอนาล็อกเอาต์พุตของ A2 ที่จะต่อเข้ากับอินพุตของวงจร A/D มีค่าคงที่เสมอ จากรูปที่ 19.17 โดบเมื่อสวิตช
์ปิด จะประจุด้วยแรงดันอินพุต ขณะนี้เป็นเวลาสุ่มค่า โดยที่แรงดันที่ จะมีค่าคงที่เท่ากับ และเมื่อสวิตช์เปิด วงจรพร้อมจะรับ
แรงดันอินพุตตัวใหม่ ดังนั้นจะเห็นว่าแรงดันด้านออกของวงจรจะมีค่าคงที่เท่ากับแรงดันตกคร่อม ตลอดเวลา เนื่องจากความเร็วของสวิตช
์สูงมาก ทำให้ผลการตอบสนองความถี่ด้านอินพุตของวงจร A/D สูงขึ้นตามความเร็วของการสวิตช์
|
ตัวอย่างที่ 19.10 วงจรขยายแบบสุ่มและเก็บค่า ดังรูปที่ 19.17 ต่อเข้ากับอินพุตของ A/D ขนาด 8 บิตในตัวอย่าง 19.10 ถ้าเวลาการสวิตซ์
ของวงจร 5 nS จงหาความถี่ตอบสนองสูงสุดของวงจร
<< Go To Top
|
19.3 วงจรรวมในการแปลงระหว่างดิจิตอลและอนาล็อก
19.3.1 วงจรรวมเบอร์ AD558
สำหรับวงจรรวมเบอร์ AD558 เป็นวงจรรวมที่ทำหน้าที่ D/A ขนาดอินพุต 8 บิตสามารถต่อรับคำสั่งการเลือกแอดเดรสจาก
ไมโครโพรเซสเซอร์ได้โดยตรง มีคุณลักษณะพิเศษที่สร้างขึ้นมาให้ทำงานกับระบบคอมพิวเตอร์และไมโครโพรเซสเซอร์ได้ จึงมี
คุณสมบัติที่ดีเด่นพอสรุปได้ดังนี้
ก. ถูกเรียกใช้จากไมโครโพรเซสเซอร์ได้โดยตรง
ข. สามารถเขียนข้อมูลจากบัสข้อมูลจากระบบเข้าเก็บไว้ไนรีจิสเตอร์ภายในตัวเองได้เมื่อถูกไมโครโพรเซสเซอร์เรียกใช้งาน
ค. เมื่อถูกปลดออกจากระบบแล้ว ยังมีข้อมูลสุดท้ายค้างอยู่ภายในรีจีสเตอร์บัฟเฟอร์ของมัน
สำหรับวงจรรวมเบอร์ AD558 มีคุณลักษณะดังกล่าวครบถ้วน และเป็นวงจรรวมที่แปลงรหัสดิจิตอล 8 บิต ออกเป็นแรงดันอนาล็อก
ให้เอาต์พุตสำหรับเลือกใช้งานได้ 2 ระดับ คือ = 0 ถึง 2.55 V และ = 0 ถึง 10.00 V วงจรรวมเบอร์ AD558 มี 12 ขา
มีลักษณะแผนภาพกรอบดังแสดงในรูปที่ 19.18
|
รูปที่ 19.18 แผนภาพกรอบของ AD558
|
คุณสมบัติของ AD558
ขา 1-8 เป็นดิจิตอลอินพุตขนาด 8 บิต ภายในมีรีจีสเตอร์ขนาด 8 บิต รับข้อมูลเมื่อถูกไมโครโพรเซส
เซอร์เรียกใช้ได้ทันที โดยขา 1 เป็น LSB และขา 8 เป็น MSB
ขา 9 เป็นขา ขาเลือกใช้งานวงจรรวมโดยรับข้อมูลควบคุมมาจากตัวถอดรหัสตำแหน่งของ
ไมโครโพรเซสเซอร์ ถ้าจะให้ AD558 ทำงาน ต้องเป็น “0”
ขา 10 เป็นขา ใช้สำหรับต่อกับขาควบคุมการอ่าน/เขียน ของไมโครโพรเซสเซอร์
เมื่อขา 9 และ 10 ได้รับสัญญาณลอจิกควบคุมเป็น “1” วงจรรวมนี้จะถูกปลดออกจากระบบ
แต่ยังคงทำหน้าที่ D/A ต่อไปโดยให้ Vout เท่ากับค่าหลังสุด
ขา 11 ขาไบแอสด้วยแรงดัน +4.5 V ถึง +16.5 V
ขา 12 เป็นขา GND ของวงจรดิจิตอลภายใน
ขา 13 เป็นขา GND ของวงจรอนาลอกภายใน
ขา 14 เป็นขา Select ใช้เลือกแรงดัน Vout ถ้าต่อลง GND จะเลือก = 0-10 V และถ้าต่อขา 14 กับ
ขา 16 จะเลือกค่า Vout = 0 – 2.55 V
ขา 15 ขา Sense ใช้สำหรับต่อร่วมกับขา 16 เพื่อแก้ปัญหาแรงดันตกในสายกรณีต่อสาย ยาว
เกินไป
ขา 16 เป็นขา ที่ให้แรงดันอนาล็อก เมื่อวัดเทียบกับ GND (ขา 13)
หมายเหตุ : 1. เมื่อเลือก = 0 – 10 V ค่า Step ของแรงดันต่อบิตเท่ากับ 40 mV วงจรใช้งานดังรูป
ที่ 19.19 (ก)
2. เมื่อเลือก = 0 - 2.55 V ค่า Step ของแรงดันต่อบิตจะเท่ากับ 10 mV วงจรใช้งาน
ดังรูปที่ 19.19 (ข)
|
รูปที่ 19.19 แสดงวงจรการเลือกเอาต์พุตของ AD558
|
19.3.2 วงจรรวมเบอร์ ADC0804
วงจรรวมเบอร์ ADC0804 เป็นวงจรแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอลเอาต์พุตขนาด 8 บิต เอาต์พุตเป็นเลขฐานสอง มีขา 20 ขา
ตัวถังแบบ DIP ลักษณะการจัดวางขาแสดงในรูปที่ 19.20 รายละเอียดและหน้าที่ของแต่ละขามีดังนี้
ขา 1 คือขา รับสัญญาณการเลือกทำงานจากไมโครโพรเซสเซอร์
ขา 2 คือขา (Read) ขาควบคุมการอ่านข้อมูล จาก ADC0804 โดยสัญญาณควบคุมมา
จากไมโครโพรเซสเซอร์
ขา 3 คือขา (Write) ขาควบคุมการเขียนข้อมูลลงใน ADC0804 โดยสัญญาณควบคุมมา
จากไมโครโพรเซสเซอร์
ขา 4 คือขา CLK in รับสัญญาณนาฬิกาจากภายนอก
ขา 5 คือขา (Interrupt) รับสัญญาณอินเตอร์รัพท์มาจากไมโครโพรเซสเซอร์
(ADC0804 ออกแบบมาให้ใช้กับไมโครโพรเซสเซอร์ ขนาด 8 บิตโดยตรงใช้ได้หลาย
เบอร์ เช่น Z80, 8085, 6502 และ 6800 เป็นต้น)
ขา 6 คือขา (+) เป็นอินพุตรับแรงดันบวก
ขา 7 คือขา (-) เป็นอินพุตรับแรงดันลบ (0 V)
ขา 8 คือขา A GND จุดดินของวงจรอนาล็อกภายใน ADC0804
ขา 9 คือขา Vref /2 เป็นอินพุตรับแรงดันอ้างอิง
ขา 10 คือขา D GND จุดดินของวงจรดิจิตอลภายใน ADC0804
ขา 11-18 คือขา Digital output ขา 11 คือ D7 (MSB) และขา 18 คือขา D0 (LSB)
ขา 19 คือขา CLK out เป็นอินพุตสำหรับต่อตัวต้านทานภายนอกสำหรับสัญญาณนาฬิกา
ขา 20 คือขา (or Ref) เป็นขาจ่ายกำลังไฟฟ้า +5 VDC
|
รูปที่ 19.20 การจัดวางขาวงจรรวมเบอร์ ADC0804
|
วงจรรวม ADC0804 โครงสร้างของวงจรดิจิตอลภายในเป็นแบบซีมอส มีความเร็วในการแปลงสัญญาณแต่ละรอบเท่ากับ 100
โครงสร้างภายในเป็นแบบ Successive approximationหรือแบบประมาณค่าต่อเนื่อง และรับแรงดันแอนะลอกอินพุตได้
ในย่าน 0 ถึง +5 V ด้านเอาต์พุต 8 บิต ดิจิตอลมีลอจิก 3 สถานะ เป็นบัฟเฟอร์ทำให้ต่อเข้ากับบัสข้อมูลของระบบไมโครโพรเซสเซอร์
์โดยตรง สะดวกต่อการใช้งาน ค่าความแยกชัดต่อบิตคือ 19.6 mV (เมื่อ = +5 V ดังนั้น Steps = = 19.6 mV)
ความถี่ของสัญญาณที่เหมาะสมคือ ค่าในคู่มือกำหนด R = 10 และ C = 150 pF, R และ C นี้ต่อขา CLK out
และ CLK in ดังรูปที่ 19.20 เมื่อแทนค่า R =10 , C = 150 pF จะได้ความถี่ของสัญญาณภายในเท่ากับ 606 kHz แต่ถ้าใช้
สัญญาณนาฬิกาภายนอก ต้องต่อเข้าที่ขา CLK in และเปิดวงจรขา CLK out ที่ความถี่ 606 kHz เวลาในการแปลงข้อมลแต่ละรอบคือ
100 การต่อจุดดินของวงจรรวม ADC0804 ควรแยกกันระหว่างจุดต่อของดิจิตอล และจุดดินของอนาล็อก (จะเห็นว่าในรูปที่
9.20 และ 19.21 จะใช้สัญลักษณ์จุดดินต่างกัน) เนื่องจากในระบบดิจิตอลมีสัญญาณรบกวนมากกว่า อาจทำให้การทำงานไม่สมบูรณ์ได
้ สำหรับอินพุต Vref /2 เป็นตัวกำหนดผ่านของการรับแรงดันอนาล็อกอินพุตและกำหนดค่าความแยกชัด (mV) ดังตารางต่อไปนี้
|
ตารางที่ 19.1
|
วงจรการต่อวงจรรวมเบอร์ ADC0804 กับระบบไมโครโพรเซสเซอร์ และไดอะแกรมเวลาของสัญญาณ และ
แสดงในรูปที 19.21 (ก), (ข) เมื่อ ADC0804 ได้รับคำสั่ง และ มาจากไมโครโพรเซสเซอร์ จะใช้เวลาใน
การแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอลประมาณ 100 จากนั้น ไมโครโพรเซสเซอร์จะสั่ง และ เพื่ออ่านข้อมูลดิจิตอลจาก ADC0804
เข้าสู่บัสข้อมูลของไมโครโพรเซสเซอร์ ดังแสดงในไดอะแกรมเวลาในรูปที่ 19.21 (ข)
|
รูปที่ 19.21 แสดงการต่อ ADC0804 กับระบบไมโครโพรเซสเซอร์และไดอะแกรมเวลาแสดงการแปลง
สัญญาณอนาล็อกเป็นดิจิตอล
|
รูปที่ 19.21 (ต่อ)
<< Go To Top
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น