ไอซีตั้งเวลา 555 (IC 555 Timer)
เป็นไอซีที่นิยมและมีการใช้กันมากที่สุดตัวหนึ่ง เพราะใช้งานง่ายมาก
โดยเริ่มมีการใช้งานกันตั้งแต่ปี 1971 และยังคงมีการใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้
มีการผลิตมากกว่าหนึ่งพันล้านตัวในทุกๆปี
ไอซีตัวเล็กๆตัวนี้ถูกใช้งานในแอปพลิเคชั่นที่หลากหลายทั้งในวงจรอนาลอกและ
วงจรดิจิตอล
ซึ่งใช้สำหรับความเที่ยงตรงในเรื่องของการกำหนดเวลาตั้งแต่ไมโครวินาทีไปจึง
ถึงชั่วโมง
ในการใช้งานตัว IC 555 นั้นใช้อุปกรณ์เพียงไม่กี่ตัว เช่น ตัวต้านทาน ตัวเก็บประจุ และ สวิตซ์ ซึ่งสามารถที่จะสร้างเอาท์พุทได้หลายรูปแบบ แต่วันนี้เราจะมาคุยวงจรที่นิยมใช้กันสำหรับตัว IC 555 กัน ก็คือ
ไฟกระพริบ: สัญญาณพัลส์ที่ความถี่ต่ำๆ (<10 Hz) สามารถที่จะเปิด/ปิด LED ได้
เครื่องให้จังหวะอิเล็กทรอนิกส์: สัญญาณพัลส์ที่ความถี่ต่ำ (<20 Hz) จ่ายให้กับลำโพงหรือ Piezoelectric สามารถที่จะทำให้เกิดเสียงเป็นจังหวะได้
เสียงเตือนภัย: โดยการตั้งค่าความถี่ไว้ที่ระดับเสียงที่มนุษย์ได้ยินคือ 20 Hz – 20 kHz แล้วต่อเข้ากับลำโพงเพื่อให้มีเสียงดัง
ความถึ่ (F, หน่วยเฮิร์ต) คือจำนวนการขึ้นลงของรูปคลื่นภายในหนึ่งวินาที โดยรูปคลื่นสี่เหลี่ยมสามารถกำหนดได้จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต่อภายนอก สามตัว ตามสมการดังนี้
F = 1.4 / [(R1+2R2)xC1]
ถ้าคุณต้องการหาค่าช่วงเวลาที่รูปคลื่นใช้เวลาจากจุดสูงสุดไปสู่จุดต่ำสุดสามารถหาได้จาก T = 1/F โดยจะได้หน่วยเป็นวินาที
ดังนั้นถ้านำไปแทนในสูตรของไอซี 555 แล้วจะได้
T = 0.7 x (R1+2R2) x C1
คุณสามารถที่จะปรับแต่งวงจรได้เพื่อปรับความกว้างในช่วงแรงดันสูงของพัลส์แตกต่างจากช่วงแรงดันต่ำของพัลส์ สามารถหาค่าได้จากสูตร
Thigh = 0.7 x (R1 + R2) x C1
Tlow = 0.7 x R2 x C1
ถ้า R2 มีค่ามากกว่าค่า R1 มากๆๆ ความกว้างของสัญญาณพัลส์ทั้่งฝั่ง High และฝั่ง Low จะมีความกว้างเกือบเท่ากัน ถ้า R2 = R1 สัดส่วนความกว้างของฝั่ง High จะเป็นสองเท่าของผั่ง Low
คุณสามารถที่จะใช้ตัวต้านทานปรับค่าได้ โดยต่ออนุกรมกับตัวต้านทาน R1 หรือ R2 และปรับค่าของตัวต้านทานเพื่อเปลี่ยนความกว้างของพัลส์
T = 1.1 x R1 x C1
555 ไบสเตเบิ้ล มัลติไวเบรเตอร์ สามารถที่จะเปลี่ยนสถานะจาก High ไปเป็นสถานะ Low ได้และจะยังคงอยู่ที่สถานะนั้นตลอดจนกว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาณที่เข้ามาทริก ซึ่งเรารู้จักวงจรนี้ดีกันในชื่อฟลิปฟล็อป (Flip-Flop) ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องคำนวณหาค่าตัวต้านทานให้ยุ่งยาก เพราะค่าเวลาของพัลส์ที่ถูกสร้างขึ้นจะถูกควบคุมโดยทริกเกอร์สวิตซ์
เพราะว่าวงจรจะคงสถานะไม่ค่า Low ก็ค่า HIgh จนกระทั่งมีการทริก ซึ่งฟลิปฟล็อปสามารถที่จะใช้ในการเก็บข้อมูลบิท (บิท คือสถานะ 0 หรือ 1 ซึ่งก็คือสถานะแรงดัน Low หรือ High)
จากรูปจะแสดงตำแหน่งขาของไอซีตั้งเวลา 555 (IC 555 timer) โดยมีหน้าที่ดังนี้
- Trigger input: เมื่อคุณจ่ายแรงดันต่ำ (Low Voltage) ที่ขา 2 เป็นการสั่งให้วงจรภายในเริ่มทำงาน การกระตุ้นแบบนี้เรียกอีกอย่างว่า Active Low Trigger
- Output pin: สัญญาณรูปคลื่นเอาท์พุท จะออกที่ขา 3
- Reset: ถ้าคุณจ่ายแรงดันต่ำ (Low Voltage) ให้กับขา 4 จะเป็นการรีเซทระบบใหม่และเอาท์พุทที่ขา 3 จะเป็นสานะแรงดันต่ำ (บางวงจรจะไม่ใช้ฟังก์ชันรีเซท โดยขานี้จะจ่ายไฟป้อนไว้ตลอด)
- Control Voltage Input:ถ้าคุณต้องการหยุดวงจร ทริกเกอร์ภายใน (ซึ่งปกติแล้วเราจะไม่ทำ) ให้จ่ายไฟที่ขา 5 ไม่อย่างนั้นก็ต่อไฟลงกราวด์ผ่านตัวเก็บประจุ 0.01 µF
- Thershold input: เมื่อจ่ายแรงดันที่ขา 6 เท่ากับ 2/3 ของแหล่งจ่ายแรงดัน Vcc สิ้นสุดรอบเวลา คุณต่อตัวต้านทานระหว่างขา 6 และแหล่งจ่ายไฟบวก ค่าของตัวตัวต้านทานจะทำให้ความยาวของของรูปคลื่นเปลี่ยนไป
- Discharge pin: ให้คุณต่อตัวเก็บประจุกับขา 7 เพื่อปรับเปลี่ยนเวลาสำหรับคายประจุ (Discharge Time)
ในการใช้งานตัว IC 555 นั้นใช้อุปกรณ์เพียงไม่กี่ตัว เช่น ตัวต้านทาน ตัวเก็บประจุ และ สวิตซ์ ซึ่งสามารถที่จะสร้างเอาท์พุทได้หลายรูปแบบ แต่วันนี้เราจะมาคุยวงจรที่นิยมใช้กันสำหรับตัว IC 555 กัน ก็คือ
- วงจรอสเตเบิ้ล มัลติไวเบรเตอร์ (Astable Multivibrator)
- วงจรโมโนสเตเบิ้ล มัลติไวเบรเตอร์ (Monostable Multivibrator)
- วงจรไบสเตเบิ้ล มัลติไวเบรเตอร์ (Bistable Multivibrator)
ตำแหน่งขา IC 555
Astable Multivibrator (Oscillator)
ไอซี 555 สามารถที่จะทำหน้าที่เป็นอสเตเบิ้ล มัลติไวเบรเตอร์ (Astable Multivibrator) ซึ่งเหมือนกับเครื่องให้จังหวะ โดยการต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กับชิป ตามรูป โดยไอซี 555 จะสร้างสัญญาณพัลส์อย่างต่อเนื่องซึ่งจะสลับกันไประหว่างแรงดันต่ำ (0 โวลท์) กันแรงดันสูง (เท่ากับแหล่งจ่ายแรงดัน, Vs) การนำไอซี 555 ไปใช้งานเป็นวงจรอสเตเบิ้ล สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่างเช่นไฟกระพริบ: สัญญาณพัลส์ที่ความถี่ต่ำๆ (<10 Hz) สามารถที่จะเปิด/ปิด LED ได้
เครื่องให้จังหวะอิเล็กทรอนิกส์: สัญญาณพัลส์ที่ความถี่ต่ำ (<20 Hz) จ่ายให้กับลำโพงหรือ Piezoelectric สามารถที่จะทำให้เกิดเสียงเป็นจังหวะได้
เสียงเตือนภัย: โดยการตั้งค่าความถี่ไว้ที่ระดับเสียงที่มนุษย์ได้ยินคือ 20 Hz – 20 kHz แล้วต่อเข้ากับลำโพงเพื่อให้มีเสียงดัง
ความถึ่ (F, หน่วยเฮิร์ต) คือจำนวนการขึ้นลงของรูปคลื่นภายในหนึ่งวินาที โดยรูปคลื่นสี่เหลี่ยมสามารถกำหนดได้จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต่อภายนอก สามตัว ตามสมการดังนี้
F = 1.4 / [(R1+2R2)xC1]
ถ้าคุณต้องการหาค่าช่วงเวลาที่รูปคลื่นใช้เวลาจากจุดสูงสุดไปสู่จุดต่ำสุดสามารถหาได้จาก T = 1/F โดยจะได้หน่วยเป็นวินาที
ดังนั้นถ้านำไปแทนในสูตรของไอซี 555 แล้วจะได้
T = 0.7 x (R1+2R2) x C1
วงจร 555 อสเตเบิ้ล
คุณสามารถที่จะปรับแต่งวงจรได้เพื่อปรับความกว้างในช่วงแรงดันสูงของพัลส์แตกต่างจากช่วงแรงดันต่ำของพัลส์ สามารถหาค่าได้จากสูตร
Thigh = 0.7 x (R1 + R2) x C1
Tlow = 0.7 x R2 x C1
ถ้า R2 มีค่ามากกว่าค่า R1 มากๆๆ ความกว้างของสัญญาณพัลส์ทั้่งฝั่ง High และฝั่ง Low จะมีความกว้างเกือบเท่ากัน ถ้า R2 = R1 สัดส่วนความกว้างของฝั่ง High จะเป็นสองเท่าของผั่ง Low
คุณสามารถที่จะใช้ตัวต้านทานปรับค่าได้ โดยต่ออนุกรมกับตัวต้านทาน R1 หรือ R2 และปรับค่าของตัวต้านทานเพื่อเปลี่ยนความกว้างของพัลส์
โมโนสเตเบิ้ล มัลติไวเบรเตอร์ (Monostable Multivibrator-One Shot)
ต่อวงจรไอซี 555 ตามรูปข้างล่างคุณจะได้วงจรโมโนสเตเบิ้ล มัลติไวเบรเตอร์ ซึ่งจะสร้างสัญญาณพัลส์แค่ลูกเดียวเมื่อมีสัญญาณมาทริก ถ้าไม่มีสัญญาณมาทริก เอาท์พุทของวงจรจะอยู่ในสถานะโลว์ (Low) ที่แรงดัน 0 โวล์ท เมื่อมีสัญญาณทริกเข้ามาที่ระหว่งขา 2 และกราวด์ สัญญาณพัลส์เอาท์พุทจะถูกสร้างมาเท่ากับแรงดันแหล่งจ่าย โดยที่ความกว้างของพัลส์ จะถูกกำหนดด้วย R1 และ C1 ตามสูตรT = 1.1 x R1 x C1
วงจร 555 โมโนสเตเบิ้ล
ไบสเตเบิ้ล มัลติไวเบรเตอร์ (Bistable Multivibrator – Filp-Flop)
ถ้าวงจร อเตเบิ้ล คือวงจรที่ผลิตสัญญาณขาออกตลอดเวลาไม่มีสถานะที่นิ่ง และวงจรโมโนสเตเบิ้ลมีแค่สัญญาณลูกเดียว และสถานะนิ่งที่ Low แล้วอะไรคือวงจรไบสเตเบิ้ล? วงจรไบสเตเบิ้ลคือวงจรที่สามารถมีสถานะนิ่งได้สองสถานะไม่ว่าจะเป็นฝั่ง High หรือฝั่ง Low555 ไบสเตเบิ้ล มัลติไวเบรเตอร์ สามารถที่จะเปลี่ยนสถานะจาก High ไปเป็นสถานะ Low ได้และจะยังคงอยู่ที่สถานะนั้นตลอดจนกว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาณที่เข้ามาทริก ซึ่งเรารู้จักวงจรนี้ดีกันในชื่อฟลิปฟล็อป (Flip-Flop) ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องคำนวณหาค่าตัวต้านทานให้ยุ่งยาก เพราะค่าเวลาของพัลส์ที่ถูกสร้างขึ้นจะถูกควบคุมโดยทริกเกอร์สวิตซ์
เพราะว่าวงจรจะคงสถานะไม่ค่า Low ก็ค่า HIgh จนกระทั่งมีการทริก ซึ่งฟลิปฟล็อปสามารถที่จะใช้ในการเก็บข้อมูลบิท (บิท คือสถานะ 0 หรือ 1 ซึ่งก็คือสถานะแรงดัน Low หรือ High)
วงจร 555 ไบสเตเบิ้ล
ขอบคุณมากครับ
ตอบลบขอน้อยๆๆกว่านี้ได้มั้ยคับพอดีครูให้เขียนมาก
ตอบลบ